“ลดน้ำหนัก” ใครว่าต้องดูที่ตัวเลขบนตาชั่งเพียงอย่างเดียว?

สำหรับคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วน  ตัวใหญ่  หรือแม้แต่สาวๆ  ในปัจจุบันนั้น  ความปรารถนาสูงสุดก็คงจะหนีไม่พ้นการมีหุ่นสวย  ผอมเพรียว  ใครๆ มองเห็นก็ต้องพากันเหลียวหลังมองกันแบบไม่ละสายตาแน่ๆ  หลายต่อหลายคนก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะลดน้ำหนักด้วยสารพัดวิธีที่จะคิดได้   เพราะคงไม่มีใครที่อยากจะถูกล้อเลียนว่าอ้วน  หรือเจอหน้ากันก็ถูกทักว่า  “อ้าว  ไม่เจอกันนานเลย  ไปทำอะไรมา  ดูอ้วนขึ้นนะ!!”  (คำว่าอ้วน  กลายเป็นคำทักทายไปแล้วเหรอ??)

บางคนเลือกจะอดอาหาร  หรือกินให้น้อยลงกว่าปกติ

บางคนก็ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของแป้ง  น้ำตาล  หรือไขมันอะไรเลย

บางคนก็มุ่งจะลดเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง  ก็ออกกำลังกายมันแค่เพียงจุดเดียว

คุณคิดว่าวิธีที่กล่าวมานั้นเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วจริงๆ  หรือ??

การลดน้ำหนักในความเข้าใจของใครหลายคนอาจหมายถึง  “การทำให้ตัวเลขบนตาชั่งลดลง”  แต่ในความเป็นจริงแล้วการลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่การมุ่งเป้าหมายไปที่ตัวเลขบนตาชั่งเสมอไป

อ่านไม่ผิดนะ  “การลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้น  เราไม่ควรจะมุ่งเป้าหมายไปที่ตัวเลขบนตาชั่งเสมอไป”

ทำความเข้าใจกับความอ้วนก่อน

ความอ้วน  (Fat)  เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณไขมันเกินกว่าปกติ  ส่งผลทำให้ร่างกายมีน้ำหนักที่เกินจากมาตรฐาน   ความอ้วนนั้นมีด้วยกันหลากหลายสาเหตุ  ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึงความอ้วนที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของตัวเองเป็นหลักก่อน  เพราะถือเป็นความอ้วนพื้นฐานที่หลายคนเป็นกัน

โดยปกติเมื่อเรารับประทานอาหารเข้าสู่ร่างกาย  อาหารเหล่านั้นจะถูกนำไปเผาผลาญเพื่อเป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเรา  ซึ่งถ้าหากไม่ได้ถูกเผาผลาญเป็นพลังงานไปจนหมดแล้ว  อาหารเหล่านั้นก็จะถูกแปรสภาพเป็นไขมันและถูกส่งไปตามส่วนต่างๆ  ของร่างกายของเรา  เช่น  หน้าท้อง  แขน  ขา  สะโพก  บั้นท้าย  เพื่อเก็บเป็นพลังงานสำรองให้กับร่างกาย  พลังงานสำรองในรูปของไขมันเหล่านี้เองที่หากสะสมไปเรื่อยๆ  โดยไม่ได้ถูกนำไปใช้  ก็จะยิ่งพอกพูนขึ้นจนกลายเป็นความอ้วนในที่สุด

ความอ้วนเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ  ที่บั่นทอนให้สุขภาพของเราถดถอยลง  เช่น  โรคเบาหวาน  โรคความดันโลหิตสูง  โรคหัวใจ  ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง  รวมถึงอาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งบางชนิดอีกด้วย

เรียกว่าความอ้วนนอกจากจะทำให้หมดหล่อหมดสวยแล้ว  ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เราอายุสั้นได้ด้วยสารพัดโรคเลยทีเดียว

แยกให้ออกระหว่าง  “ลดน้ำหนัก” กับ  “ลดไขมัน”

สำหรับคนที่ตั้งใจจะลดน้ำหนักแล้ว  ส่วนใหญ่มักจะตั้งเป้าหมายที่การลดตัวเลขบนตาชั่งให้น้อยลง  จึงมักนำไปสู่การลดน้ำหนักแบบผิดๆ  ทั้งการอดอาหาร  ไม่กินแป้งหรือไขมันเลย  จนไปถึงการออกกำลังกายให้เหงื่อโชก  ด้วยความเชื่อที่ว่าการทำสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้

วิธีเหล่านี้อาจทำให้น้ำหนักลดลงได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น  เพราะสิ่งที่ลดลงไปคือ  “น้ำในร่างกาย”  ซึ่งเมื่อเราดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเข้าไป  น้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารนั้นนอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพแล้ว  จะยิ่งทำให้ลดน้ำหนักได้ยากอีกด้วย  เพราะร่างกายจะทำการสงวนพลังงานของร่างกายไว้  ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ต่ำลง  ทำให้เราเหนื่อยง่าย

ดังนั้น  เราจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการลดน้ำหนักที่ถูกต้องคือ  “การลดไขมันส่วนเกิน”  เพราะหากลองสังเกตดูจะพบว่า  คนที่ลดน้ำหนักอย่างผิดวิธีกับคนที่ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีนั้น เมื่อนำมาชั่งน้ำหนักจะพบว่า (ตามภาพด้านล่าง)   แม้คนแรกนั้นจะมีน้ำหนักตัวเบากว่าคนที่สอง  แต่คนที่สองกลับมีรูปร่างที่กระชับสมส่วนดูดีกว่า

ทำไมเป็นเช่นนั้น?

ร่างกายประกอบไปด้วยน้ำ  ไขมัน  กล้ามเนื้อ  อาหารที่เรากินเข้าไป  และของเสียต่างๆ  สังเกตดูง่ายๆ ว่าเมื่อเรากินอาหารหรือดื่มน้ำเข้าไปสัก 2-3 แก้ว  น้ำหนักของเราก็ขึ้นได้อย่างรวดเร็ว  พอเราระบายสิ่งที่กินเข้าไปออกมาทั้งในรูปของอุจจาระ  ปัสสาวะ  หรือเหงื่อ  น้ำหนักของเราก็ลดลงไปได้เช่นกัน  แต่สิ่งที่ไม่ได้ลดไปด้วยคือไขมันที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราอ้วนนั่นเอง

จากภาพนี้จะเห็นว่า  ไขมันหนัก 1 กิโลกรัม  กับ กล้ามเนื้อหนัก 1 กิโลกรัม มีความแตกต่างของขนาดมวลอย่างเห็นได้ชัด  ทั้งที่มีน้ำหนักที่เท่ากัน  จึงแสดงให้เห็นว่าคนที่มีน้ำหนักตัวมากก็ใช่ว่าจะเป็นคนอ้วนเสมอไป  เพราะแม้น้ำหนักบนตาชั่งจะบอกว่าคนๆ นั้นมีน้ำหนักมาก  แต่น้ำหนักเหล่านั้นอาจเป็นน้ำหนักของกล้ามเนื้อซึ่งมีประโยชน์มากกว่าก็ได้  ในขณะที่ไขมันที่น้ำหนักเท่ากันแต่มีความหนาของมวลที่มากกว่า  จึงทำให้ร่างกายของคนที่มีไขมันสะสมเป็นจำนวนมากดูอ้วนและใหญ่โตกว่าคนทั่วไป

ตอนนี้เราต้องลองมาทบทวนแล้วว่า  “เรากำลังลดน้ำหนักหรือลดไขมันส่วนเกินกันแน่??”

ลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีง่ายๆ ทำได้ไม่ยาก

จากที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นว่าทำไมคนที่มีน้ำหนักมากกว่ากลับมีหุ่นที่ผอมเพรียมกระชับได้  แสดงให้เห็นการลดน้ำหนักที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่เพียงแค่ทำให้ตัวเลขบนตาชั่งลดลง  แต่จะต้องให้ความสนใจที่การลดไขมันส่วนเกินมากกว่า  จึงอยากนำเสนอด้วยหลักการง่ายๆ แค่ 3 ข้อ

1. กินให้เป็น

การกินถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตของเรา  และเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เราอ้วนด้วยเช่นกัน  ถ้าหากเรากินอาหารเกินกว่าที่ร่างกายจะนำไปใช้เป็นพลังงานในแต่ละวัน  อาหารส่วนเกินก็จะแปรสภาพกลายเป็นไขมันตัวร้ายที่จะสะสมอยู่ในร่างกาย

หลายคนมักเลือกที่จะลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร  ลดสัดส่วนของอาหารลง  ตัดอาหารบางมื้อไปเลย  หรือก็เลือกที่จะไม่กินแป้ง  ไม่แตะน้ำตาล  ไม่เบิกบานกับอาหารที่มีไขมันใดๆ เลย  ซึ่งเป็นวิธีที่เกือบจะถูกต้องแล้ว  แต่ไม่ถูกต้องทั้งหมด

การลดน้ำหนักนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการกิน  เพราะ ความสำเร็จของการลดน้ำหนักนั้นอยู่ที่การควบคุมนิสัยการกินมากกว่า  70% ส่วนการออกกำลังกายเป็นตัวช่วยเสริมเพียงแค่  30% ดังนั้นการวางแผนการกินจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำก่อนเป็นอันดับแรกสำหรับคนที่คิดจะเริ่มลดน้ำหนักแบบจริงจัง

มีหลักจำง่ายๆ แค่นี้  “ห้ามอด  ห้ามงด  แค่ควบคุมให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ”

เพราะร่างกายของเราต้องการสารอาหารที่จำเป็นครบทั้ง 5 หมู่  เพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  การอด  งด  หรือตัดอาหารบางอย่างไปเลยจะทำให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ  เช่น  บางคนที่ไม่กินแป้งเลย  ร่างกายก็จะขาดสารคาร์โบไฮเดรตที่เป็นพลังงานสำคัญในการทำกิจกรรมต่างๆ แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปออกกำลังกาย?

หรือบางคนที่ไม่กินอาหารมันๆ เลย  เพราะถือคติว่า  “ไขมันคือศัตรูตัวฉกาจ”  รู้หรือไม่ว่าอาจเสี่ยงต่อการขาดวิตามินสำคัญ  คือ  วิตามิน  A  D  E  และ  K  เพราะวิตามินเหล่านี้จำเป็นต้องละลายในไขมันเท่านั้นจึงจะสามารถนำไปใช้กับร่างกายได้ กลายเป็นเลี่ยงไขมันแต่ขาดสารอาหารแทน!!

วิธีการเหล่านี้แม้จะทำให้น้ำหนักลดลงไปได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง  แต่หลังจากนั้นเมื่อกลับมากินอาหารแบบปกติก็จะกลับมาอ้วนอีกเช่นเดิม  ที่เรียกกันว่า  “โยโย่ (Yoyo Effect)”  ซึ่งเป็นภาวะที่น้ำหนักของร่างกายขึ้นอย่างรวดเร็ว  อันเป็นผลจากการลดน้ำหนักที่ผิดวิธีจนทำให้ความสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกายเกิดความผิดปกติ เมื่อเรากลับมากินอาหารและใช้ชีวิตแบบเดิมก็ทำให้น้ำหนักที่เคยลดไปพุ่งกลับขึ้นมาอีก (หรือหนักยิ่งกว่าเดิม)  เหมือนกับที่เราเล่นลูกดิ่งโยโย่  ยิ่งเหวี่ยงลงพื้นแรงเท่าไรก็จะพุ่งกลับมาเร็วเท่านั้น

ดังนั้น  การกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักนั้นจึงควรเป็นการควบคุมสัดส่วนของอาหารที่จะกินให้เหมาะสม  คำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน  และในปริมาณที่พอเหมาะไม่มากเกินไป  จะเป็นผลดีกับสุขภาพของตนเองมากกว่าการอดหรืองดไปเลย

สำหรับใครที่กลัวกับการกินอาหารจำพวกแป้ง  ก็สามารถปรับเปลี่ยนมากินแป้งที่ไม่ผ่านการขัดขาว  เช่น  แป้งโฮลวีต  ข้าวกล้อง  ข้าวซ้อมมือ  เผือก  มัน  เพราะถือว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีแร่ธาตุและวิตามินอื่นๆ ที่ดีสุขภาพ  ร่างกายต้องใช้เวลานานขึ้นในการย่อยเป็นพลังงานให้กับร่างกาย  จึงช่วยให้หิวช้าขึ้นด้วย  และควรควบคู่ไปกับการลดการบริโภคน้ำตาลด้วยก็จะดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ก็ควรหันมากินแต่ไขมันชนิดดี (HDL : High-Density Lipoproteins) แทนไขมันทั่วไป  ซึ่งจะคอยกวาดจับไขมันที่เกาะตัวอยู่ตามเส้นเลือดก่อนจะส่งไปที่ตับและขับออกมากับน้ำดี  เช่น  น้ำมันมะกอก  น้ำมันมะพร้าว  น้ำมันข้าวโพด  น้ำมันตับปลา  น้ำมันเมล็ดฟักทอง  น้ำมันถั่วเหลืองแทนได้  แต่ต้องบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ  ไม่มากจนเกินไป

การเลี่ยงที่จะกินของทอด  ของมัน  หรือของหวาน  ยังถือเป็นสิ่งที่ทำได้หากต้องการจะลดน้ำหนัก  ทั้งนี้อาจปรับเปลี่ยนมากินอาหารประเภทต้มหรือนึ่งแทน  ของหวานที่เป็นขนมทั้งหลายก็อาจเปลี่ยนมาเป็นการกินผลไม้แทน  เช่น  หันมากินสัปปะรดแทนขนมหวานในมื้อเที่ยง  ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์  อร่อย  และไม่ต้องกลัวอ้วนด้วย

ที่สำคัญอีกอย่างคือ  ต้องดื่มน้ำบ่อยๆ เฉลี่ยประมาณ  3 ลิตรต่อวัน  เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเผาผลาญในร่างกายของเรา  ช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ

2. ออกกำลังกายให้เหมาะ

การออกกำลังกายนับเป็นวิธีสำคัญที่จะหลีกเลี่ยงไปไม่ได้  เลิกความคิดไปได้เลยว่าจะลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารอย่างเดียว  เพราะจะทำให้การลดน้ำหนักของเราทำได้ยาก  และลดได้ช้าเข้าไปอีก  แต่หลายคนยังไม่เข้าใจว่าการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นควรทำอย่างไร?

การออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นควรเป็นลักษณะของการควบคู่กันของการเล่นเวท (Weight Training)  คือ  การออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงต้านเพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ  เช่น  การยกน้ำหนัก  การซิทอัพ  การลุกนั่ง  การวิดพื้น  และคาร์ดิโอ  (Cardio) คือ  การออกกำลังกายที่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและระบบหายใจของปอด  เผาผลาญไขมันในร่างกาย  เช่น  การวิ่ง  ปั่นจักรยาน  ว่ายน้ำ  แอโรบิก

ทำไมต้องออกกำลังกายทั้งสองแบบควบคู่กันไป?  ทำแค่อย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เหรอ?

การเล่นเวทเป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้ในการลดน้ำหนัก  เพราะการเล่นเวทจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อซึ่งมีส่วนสำคัญในการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย  ทั้งพลังงานที่เรากินเข้าไปในรูปของอาหารและพลังงานสำรองที่อยู่ในรูปของไขมันที่อยู่ในร่างกายของเรา  ซึ่งกล้ามเนื้อจะต้องเผาผลาญอยู่ตลอดเวลาเพื่อรักษาสภาพไว้  ยิ่งมีกล้ามเนื้อมากร่างกายก็จะยิ่งเผาผลาญมากขึ้นไปด้วย

หมายความว่า  “หากเรามีมวลกล้ามเนื้อมาก  แม้เราอยู่เฉยๆ  ก็สามารถเผาผลาญไขมันได้เอง  และยังกินอาหารได้มากขึ้นด้วย”

สำหรับสาวๆ ที่กลัวว่าการเล่นเวทจะทำให้แขนหรือขาใหญ่ขึ้นนั้น  บอกตรงนี้เลยว่าเป็นไปได้ยากมาก  เพราะฮอร์โมนที่ใช้ในการสร้างกล้ามเนื้อของผู้หญิงนั้นมีอยู่น้อยกว่าผู้ชาย  การจะเล่นเวทให้มีกล้ามใหญ่แบบที่ผู้ชายทำได้นั้นจึงทำได้ยากกว่ามาก  ต้องใช้เวลาที่นานกว่า  ผู้หญิงจึงสามารถเล่นเวทได้อย่างไม่มีปัญหา

ขณะเดียวกัน  การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอยังเป็นตัวช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เร็วขึ้นด้วย  และยังทำให้การสูบฉีดโลหิตและระบบการหายใจของเราทำงานได้อย่างดีด้วย  เช่น  การวิ่งเหยาะๆ ประมาณ 20-30 นาที  การเต้นแอโรบิก  ซึ่งออกกำลังกายแบบทำคาร์ดิโอนั้นควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ  สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นนั้นควรเริ่มจากกิจกรรมง่ายๆ เช่น  การเดินเร็ว  เป็นต้น

ในการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักนั้น  ควรยืดคลายกล้ามเนื้อและอบอุ่นร่างกาย  และเริ่มจากการเล่นเวทก่อนประมาณ  20-30 นาที  และต่อด้วยคาร์ดิโออีกประมาณ  30-40 นาที  จากนั้นจึงยึดคลายกล้ามเนื้อและพักให้หายเหนื่อย  โดยควรออกกำลังกายไม่ต่ำกว่าครั้งละ  45-60 นาที  และไม่ควรออกกำลังกายหักโหมจนเกินไป  เพราะร่างกายอาจได้รับบาดเจ็บได้

3. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั้นมีส่วนช่วยให้การลดน้ำหนักของเราประสบความสำเร็จได้  (ไม่ใช่เพราะตอนนอนหลับเราหยุดกินหรอกนะ  ฮ่าๆๆๆๆ)  แต่เพราะในช่วงที่เรานอนหลับนั้นร่างกายจะหลั่ง “โกรว์ทฮอร์โมน  (Growth Hormones)” ที่จะทำหน้าที่ดึงเอาโปรตีนที่เรากินจากอาหารไปสร้างและซ่อมแซมร่างกายของเรา  ช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง  เกิดการสร้างมวลกล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการเผาผลาญพลังงาน  (ตามที่กล่าวไปในข้างต้น)

ผลเสียสำคัญของการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอที่ส่งผลต่อรูปร่างของเรา  คือ  เมื่อเรานอนหลับไม่พอ  ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดความผิดปกติ  ส่งผลให้การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายรวน  เช่น  หิวบ่อยขึ้น  ทำให้เรากินมากขึ้นโดยรู้สึกอิ่มช้าลง  เราจึงเผลอกินจนเกินกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญได้หมด  จึงเกิดการสะสมเป็นไขมันในร่างกาย  และกลายเป็นโรคอ้วนในที่สุด

ดังนั้น  เราจึงควรจัดสรรเวลาเพื่อการนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่  ประมาณ 6-9 ชั่วโมง / วัน  และไม่ควรปรับเปลี่ยนเวลานอนโดยไม่จำเป็น  เพราะการที่ร่างกายต้องปรับตัวเพื่อปรับเปลี่ยนเวลานอนบ่อยครั้ง  จะส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกายเช่นกัน  แต่หากใครมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเวลานอน  อาจแก้ไขด้วยการดูแลตัวเองในส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้น  เช่น  กินอาหารที่มีประโยชน์  ออกกำลังกายเป็นประจำ  ก็จะช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงได้เช่นกัน

เลือกเทคโนโลยีทางการแพทย์มาช่วยลดน้ำหนัก

ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์  จึงได้มีการพัฒนารูปแบบการดูแลร่างกายสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน  มีตั้งแต่การให้คำปรึกษา  การใช้ยาหรือสารต่างๆ เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกินให้ดียิ่งขึ้น  จนไปถึงการผ่าตัดเพื่อดูดไขมันหรือการผ่าตัดตกแต่งกระเพาะอาหารใหม่ในรายที่มีความผิดปกติของน้ำหนักตัวมาก

อย่างไรก็ตาม  มีคนจำนวนไม่น้อยที่เลือกวิธีการดูแลรูปร่างอย่างผิดๆ เช่น  การใช้ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ผ่านการวินิจฉัยของแพทย์  ซึ่งส่งผลเสียกับร่างกายจนถึงแก่ชีวิตเลยทีเดียว  ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกเทคโนโลยีทางการแพทย์ใดๆ เพื่อมาดูแลรูปร่างของเรานั้น  ควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของสถานที่และแพทย์ที่ตนเข้าไปรับบริการ  รวมถึงการรักษาของแพทย์นั้นว่ามีความเหมาะสมกับตัวเองมากน้อยอย่างไรด้วย

การลดน้ำหนักให้ถูกวิธีนั้นสามารถทำได้ไม่ยากเกินไป  สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราต้องมีวินัยในตนเองให้มาก  ต้องปฏิบัติตนตามแผนการควบคุมน้ำหนักที่วางไว้อย่างเคร่งครัด  กิน  ออกกำลังกาย  พักผ่อนให้เหมาะสม  ซึ่งการลดน้ำหนักแบบนี้อาจไม่ทำให้น้ำหนักลดลงรวดเร็ว  แต่น้ำหนักที่ลดลงไปจะไม่กลับมารบกวนใจเราแน่นอน  ขอแค่เรายึดคติที่สำคัญที่ว่า  “วินัยและหัวใจล้วนๆ”

แล้วหุ่นสวย  กระชับ  ผอมเพรียว  และสุขภาพที่ดีจะอยู่กับเราไปตลอด

บทความโดย  นิติพล คลินิก

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ลดไขมันเฉพาะส่วน Carboxy Therapy

ขาใหญ่ทําไงดี หยุดขาใหญ่ แขนย้วย ด้วย Super Slim