ดูแลผิวใสห่างไกลกระ

อะไรคือ “กระ”

เคยสังเกตผิวหน้าของตัวเองหรือไม่ว่า มีจุดเล็กๆ สีน้ำตาลเกาะกลุ่มกัน โดยเฉพาะถ้าเป็นคนที่ผิวขาวด้วยแล้วจะยิ่งมองเห็นได้ชัดเจน บ้างพบเจ้าจุดสีน้ำตาลนี้บริเวณแก้ม หรือจมูก บางคนยิ่งหนักเพราะพบอยู่เต็มไปหมด เจ้าจุดเล็กๆ สีน้ำตาลที่เกาะกันเป็นกลุ่มเหล่านี้ เรียกกันว่า “กระ” มีบางคนก็จะเรียกอาการแบบนี้กันว่า “ผิวตกกระ” นั่นเอง มาดูกันค่ะ ว่ากระคืออะไร แล้วจะรักษาให้หายได้อย่างไร กระ, รักษากระ, กระเนื้อ, กระลึก

กระ (Freckle) มีลักษณะเป็นเม็ดสีขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร   มีสีต่างๆ กันไปตามแต่ละบุคคล  เช่น  สีน้ำตาล   สีเหลือง  สีดำ   หรือสีออกแดงๆ   บริเวณผิวหนังที่เป็นกระจะมีสีผิวที่เข้มกว่าบริเวณรอบๆ และจะมีสีเข้มขึ้นหากสัมผัสกับแสงอาทิตย์บ่อยครั้ง  และจะมีสีจางลงในช่วงที่มีอากาศเย็น  โดยมากกระมักเกิดกระจายบริเวณใบหน้า  คาง  ลำคอ  แขน  ขา  พบได้ในบุคคลทุกเพศและทุกวัย  และยิ่งจะเห็นได้ชัดมากขึ้นสำหรับคนที่มีผิวขาว

กระ เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในเซลล์ผิวหนังในชั้นเมลาโนไซด์ของเรา  ที่ผลิตเม็ดสีเมลานินที่มีสีเข้มมากเกินไปและส่งขึ้นมาปรากฏบนผิวหนัง  โดยสาเหตุที่ทำให้เม็ดสีเมลานินเกิดความผิดปกติจนนำไปสู่การเกิดกระนั้นมีหลายอย่างด้วยกัน  เช่นตัวอย่างต่อไปนี้

แสงแดด  แสงแดดถือเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดกระ  โดยเมื่อเราสัมผัสกับแสงแดด เซลล์ผิวหนังของเราจะสร้างเม็ดสีเมลานินขึ้นเพื่อปกป้องอันตรายจากรังสี UV ที่มีอยู่ในแสงแดด  แต่หากเราสัมผัสกับแสงแดดนานเกินไปจะทำให้เซลล์ผิวหนังสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้นจนเกิดความผิดปกติได้  ยิ่งสัมผัสกับแสงแดดมากก็ยิ่งทำให้กระมีสีเข้มและใหญ่ขึ้น  กระ, รักษากระ 

กรรมพันธุ์  กระสามารถได้รับการถ่ายทอดจากพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย  ซึ่งกระที่เกิดขึ้นจากสาเหตุนี้จะเกิดในวัยเด็กเป็นส่วนใหญ่  ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป

กระมีกี่ประเภท

กระมีด้วยกันหลายประเภท  มีทั้งรักษาได้ง่ายไปจนถึงรักษาได้ยาก  จึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากระแต่ละประเภทนั้นเป็นอย่างไร  ดังนี้

กระตื้น (Freckle)  มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลขนาด  0.1-0.3 เซนติเมตร  มีขอบเขตไม่ชัดเจน  จะกระจายอยู่บริเวณจมูก  แก้ม  แขน  ขา  พบได้บ่อยในคนที่มีผิวขาว  รักษาได้ง่าย

กระลึก (NFZ)  หรืออาจเรียกว่า กระโฮริ (Hori)  มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลเทา   มีขอบเขตที่ชัดเจน  ส่วนใหญ่จะเกิดอยู่บริเวณโหนกแก้มหรือขมับ  พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป  เมื่ออายุมากขึ้นกระชนิดนี้จะมีสีที่เข้มขึ้น  รักษาได้ยาก

กระเนื้อ  (Seborrheic Keratosis)  มีลักษณะเป็นตุ่มนูนผิวเรียบสีน้ำตาล  มักพบบริเวณเปลือกตา ลำคอ  รักแร้  ลำตัว  หลัง  พบได้บ่อยในผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ  และจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

กระแดด  (Sun-induced freckle)   มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลอ่อนถึงน้ำตาลเข้ม  ขนาดไม่เกิน 1 เซนติเมตร   สาเหตุเกิดจากการสัมผัสกับแดดเป็นเวลานาน  และกระแดดจะยิ่งสีเข้มขึ้นและเพิ่มจำนวนขึ้นเมื่อถูกแสงแดด  มักเกิดกระจายบนใบหน้า  แขน  ไหล่  หลังมือ  หรือบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด  พบได้บ่อยกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ออกกลางแจ้งบ่อยครั้ง

เอาชนะกระได้ง่าย  ด้วยหลากหลายวิธี

กระเป็นอาการที่สามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยหลากหลายวิธี  ทั้งวิธีที่ง่ายไปจนถึงวิธีที่ซับซ้อนขึ้น  ซึ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหากระอยู่สามารถนำไปปรับใช้กับตนเองได้ไม่ยาก  กระ, รักษากระ 

หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดกระ  กระส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน  ดังนั้นเราจึงควรหลีกเลี่ยงจากแสงแดดโดยตรง  หรือควรทาผลิตภัณฑ์กันแดดก่อนทุกครั้ง  เพื่อป้องกันอันตรายจากรังสี UV โดยเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF  30 PA+++ ขึ้นไป  หากเราต้องตากแดดทั้งวันก็ควรทาอย่างน้อย 2 ครั้ง  ก็จะช่วยป้องกันการเกิดกระได้

ใช้ผลิตภัณฑ์ทารักษากระ  ปัจจุบันนี้มีการผลิตครีมหรือยาหลากหลายชนิดที่ม่คุณสมบัติในการแก้ไขปัญหากระได้  ทั้งนี้ก่อนซื้อจึงต้องพิจาณาถึงส่วนประกอบที่มีผลต่อการขจัดปัญหากระ  เช่น  เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA ซึ่งเป็นกรดผลไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ  ซึ่งรวมถึงเม็ดสีเมลานินที่เป็นปัญหาของกระ  วิธีนี้จะใช้เวลานานในการเห็นผล  แต่ค่อนข้างปลอดภัย

ทั้งนี้ในการเลือกผลิตภัณฑ์รักษากระจะต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าเหมาะกับสภาพผิวของเราหรือไม่  เช่น  หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Hydroquinone จะทำให้กระจางลงได้เร็ว  ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิว  แต่จะมีผลข้างเคียงคือทำให้เซลล์ผิวหนังอ่อนแอลง  และเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้  ดังนั้นจึงควรสอบถามจากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเพื่อป้องผลข้างเคียงจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้

ขัดผิว  การขัดผิว  กรอผิว  หรือสครับผิวเป็นการช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าออก  เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสกว่า  และกระที่เป็นปัญหาก็จะถูกขจัดไปด้วย  เช่น  การขัดผิวหรือกรอผิวด้วยโปรแกรม  Micro  Dermabration  เพื่อเร่งการขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ  รวมถึงกระ (ที่อยู่ในชั้นผิวหนังตื้นๆ)  ให้หลุดออก  กระ, รักษากระ 

อยากผิวเรียบเนียน

การขัดผิวนั้นไม่ควรทำบ่อยครั้งหรือทำรุนแรงเกินไป  เพราะจะทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองได้  อาจเป็นสาเหตุของผิวหน้าที่อ่อนแอ  และเป็นสิวได้ง่ายขึ้นด้วย  การขัดผิวที่เหมาะสมจึงควรทำอย่างเบามือ  และควรทำแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็เพียงพอแล้ว

ทำทรีตเมนต์เพื่อบำรุงผิวหน้า  การทำทรีทเมนต์ตามสถานเสริมความงามต่างๆ เพื่อแก้ปัญหากระนั้นจะเน้นที่การกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าและเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่า  ช่วยให้กระที่เป็นปัญหานั้นค่อยๆ จาง  และยังเสริมความแข็งแรงและอิ่มเอิบให้กับผิวหน้าด้วย  โดยสามารถเข้ารับบริการได้ที่สถานเสริมความงามทั่วไปได้

ทำไอออนโต (Ionto)  ไอออนโตเป็นอุปกรณ์ที่จะปล่อยกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อนๆ ช่วยผลักดันให้ตัวยาที่ช่วยแก้ปัญหากระให้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น เช่น  ตัวยาที่มีส่วนผสมของอาบูตินหรือวิตามินซี    ช่วยแก้ไขปัญหาโรคกระ  เป็นการเสริมประสิทธิภาพการรักษากระให้ดียิ่งขึ้น  และมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย

ฉีดเมโส  (Mesotherapy)    เป็นการใช้เข็มฉีดยาขนาดเล็กฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวหนังบริเวณที่เป็นกระ  โดยจะฉีดลึกลงไปประมาณ 0.1-0.2 เซนติเมตร  และทิ้งระยะห่างกันไม่เกิน 1 เซนติเมตร  วิธีนี้จะเป็นการส่งตัวยาเข้าไปบริเวณที่เป็นกระโดยตรง  ตัวยาสามารถกระจายลงสู่เซลล์ผิวหนังได้อย่างดี  ช่วยให้กระดูจางลงได้  โดยการฉีดเมโสเพื่อรักษากระนั้นต้องมีการทำซ้ำทุกๆ 1-2 สัปดาห์  เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพ

ยิงเลเซอร์รักษากระ  เป็นการยิงอนุภาคคลื่นแสงลงไปยังชั้นผิวหนังเพื่อรักษากระ  หลักการคือกระเกิดจากเม็ดสีเมลานินที่มีสีเข้มอยู่บริเวณชั้นผิวหนัง  เมื่ออนุภาคของแสงเลเซอร์ถูกยิงลงไป  เม็ดสีเมลานินที่มีสีเข้มกว่าจะดูดซับอนุภาคคลื่นแสงไว้แล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน  กระจะถูกทำลายและค่อยๆ จางลง  ทั้งยังเป็นการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก  เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้  ตัวอย่างเลเซอร์ที่สามารถแก้ไขปัญหาฝ้าได้  เช่น   IPL  Laser , VIPL Laser

แต่ทั้งนี้ในการเลือกการยิงเลเซอร์เป็นวิธีการแก้ไขปัญหากระนั้น  เราจะต้องเลือกสถานเสริมความงามที่มีความน่าเชื่อถือ  มีมาตรฐานเพียงพอ  และจะต้องยิงเลเซอร์โดยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น  เพื่อให้แน่ใจว่าปัญหากระที่กวนใจจะหายไป  และปลอดภัยจากผลข้างเคียงต่างๆ  ด้วย  กระ, รักษากระ 

อย่างไรก็ตาม  กระมีด้วยกันหลายประเภท  จึงควรเลือกวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมกับกระแต่ละประเภท  ดังนั้นจึงควรได้รับการตรวจวิเคราะห์จากแพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรง  เพื่อให้สามารถเลือกวิธีการรักษากระที่เหมาะสมกับเราได้  และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้กระเพิ่มจำนวนและทวีความเข้มมากขึ้น  ทั้งการใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดก่อนออกกลางแจ้ง  และเลือกผลิตภัณฑ์

จำไว้ว่าอย่างดีที่สุดเราก็สามารถทำได้แค่กำจัดเมลานินส่วนเกินเท่านั้น แต่เราไม่สามารถป้องกันการสร้างเมลานินใหม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การดูแลตัวเองครับ หลีกเลี่ยงแสงแดด หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ และใช้ไวท์เทนนิ่งที่สามารถช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีใหม่ควบคู่ไปกับการรักษา เพียงเท่านี้รอยกระของคุณก็จางลงได้