ความแตกต่างของ เครื่องสำอางและเวชสำอาง ที่ควรรู้
สำหรับคนที่รักสวยรักงามไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้เลยในชีวิตประจำวัน เพราะถือเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจที่จะออกไปพบปะผู้คนเป็นอย่างมาก ซึ่งเครื่องสำอางในปัจจุบันนั้นมีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ และยังหลากหลายประโยชน์อีกด้วย เครื่องสำอางและเวชสำอาง จะต่างกันอย่างไรมาดูกัน
แล้วมีใครรู้จักหรือเคยได้ยินคำว่า “เวชสำอาง” กันไหม??
หลายคนเข้าใจว่าเวชสำอางก็คือเครื่องสำอาง เรียกเหมือนกันได้ ใช้เหมือนกันได้ ที่แย่กว่าคือ บางคนเข้าใจว่าการใช้เครื่องสำอางนั้นจะมีผลเหมือนกันกับการใช้เวชสำอาง ก็เลยเอามาใช้แทนกันเลยรู้กันหรือไม่ว่ากำลังเข้าใจกันผิด!! ถ้าเช่นนั้นเราก็ควรจะทราบก่อนว่าเครื่องสำอางและเวชสำอางนั้นคืออะไร และมีความแตกต่ากันอย่างไรบ้าง
อะไรคือ “เครื่องสำอาง”
เครื่องสำอาง (Cosmetics) เป็นวัตถุหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายด้วยวิธีการต่างๆ เช่น ทา นวด พ่น โรย ป้าย วาด หยอด ใส่ อบ เพื่อให้เกิดความสะอาด ความสวยงาม ซึ่งหากจัดแบ่งประเภทของเครื่องสำอางตามความปลอดภัยแล้วจะมีด้วยกัน 3 ประเภท ดังนี้
- เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เป็นเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายกับผู้ใช้ได้ จึงต้องมีการควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัดโดยองค์การอาหารและยา (อย.) ซึ่งจะทำการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนและขึ้นทะเบียนตำรับเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ จึงจะสามารถผลิตและจำหน่ายได้
ตัวอย่างเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ เช่น ผลิตภัณฑ์ทำสีผมถาวร ยืดผม ดัดผม หรือยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ผลิตภัณฑ์กำจัดขนหรือทำให้ขนร่วง เป็นต้น
- เครื่องสำอางควบคุม เป็นเครื่องสำอางที่มีความเสี่ยงต่อผู้ใช้น้อย เพราะมีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายน้อยกว่าเครื่องสำอางควบคุมพิเศษ
ตัวอย่างเครื่องสำอางควบคุม เช่น ผ้าอนามัยทั้งชนิดแผ่นและชนิดสอด แป้งฝุ่นโรยตัว แป้งน้ำ ผลิตภัณฑ์ขจัดรังแคที่มีส่วนผสมของซิงก์ไพริไทโอน ไพรอกโทนโอลามีน และคลิมบาโซล เป็นต้น
- เครื่องสำอางทั่วไป เป็นเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายกับผู้ใช้ ซึ่งต้องมีฉลากที่มีข้อความบอกส่วนผสมและสรรพคุณให้ครบถ้วน
ตัวอย่างเครื่องสำอางทั่วไป เช่น อายแชโดว์ อายไลเนอร์ ดินสอเขียนคิ้ว ลิปสติก ครีมรองพื้น สบู่ โฟมล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย สีทาเล็บ ผลิตภัณฑ์จัดทรงผม
เครื่องสำอางนั้นมีการวางขายทั้งตามท้องตลาดหรือในห้างสรรพสินค้า ซึ่งมีด้วยกันหลากหลายแบบตามความต้องการของแต่ละคน
แล้วอะไรคือ “เวชสำอาง”
เวชสำอาง (Cosmeceuticals) มาจากคำว่า เวชภัณฑ์ + เครื่องสำอาง เป็นวัตถุหรือผลิตภัณฑ์ที่รวมเอาคุณสมบัติของเครื่องสำอางในด้านความสะอาดและความสวยงาม เข้ากับคุณสมบัติในการรักษาอาการผิดปกติของผิวแบบเดียวกับยา (แต่เวชสำอางนั้นยังไม่ถือว่าเป็นยา) เช่น ผลิตภัณฑ์รักษาสิว ฝ้า กระ ซึ่งเวชสำอางโดยทั่วไปและเหมาะสมนั้นจะต้องจ่ายโดยแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ เพราะแพทย์จะต้องทำการวิเคราะห์ถึงปัญหาของผิวก่อน จึงจะสั่งจ่ายเวชสำอางที่เหมาะสมกับอาการให้ได้อย่างถูกต้อง
ปัจจุบันเวชสำอางได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเวชสำอางที่เป็นแบบธรรมชาติ (Natural Cosmeceuticals) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผสมสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ ทั้งกลิ่น สี สารปรุงแต่ง สารคงสภาพ หรือสารที่ทำละลาย จึงทำให้ผู้ใช้ในปัจจุบันให้ความสนใจและนิยมใช้กันมาก เพราะมั่นใจในความปลอดภัยได้
เปรียบเทียบความแตกต่างของเครื่องสำอางและเวชสำอาง
เลือกซื้อเครื่องสำอางและเวชสำอางอย่างไรให้ปลอดภัย
ปัจจุบันนี้ทั้งเครื่องสำอางและเวชสำอางนั้นสามารถหาซื้อกันได้ง่ายทั้งในท้องตลาดทั่วไป เคาน์เตอร์แบรนด์ตามห้างสรรพสินค้า สถานเสริมความงาม จนถึงการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ต ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางและเวชสำอางเพื่อนำมาใช้ จึงควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนทุกครั้ง
สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องสำอางอยู่เป็นประจำ ทุกครั้งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องสำอาง ควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนทั้งเครื่องหมายรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) วันหมดอายุ ชื่อของบริษัท ตรวจดูส่วนผสมว่ามีสารอะไรบ้างที่เราอาจจะแพ้ รวมไปถึงศึกษาคำเตือนและวิธีใช้ให้ถูกต้อง ที่สำคัญคือควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้เสมอ โดยนำเครื่องสำอางนั้นทาบางๆ ที่ท้องแขน หากมีอาการผิดปกติ เช่น ระคายเคือง แสบร้อน คัน ควรเลิกใช้เครื่องสำอางนั้น
ส่วนการเลือกซื้อเวชสำอางเพื่อใช้ดูแลปัญหาผิวนั้นมีวิธีคล้ายคลึงกับการเลือกซื้อเครื่องสำอาง แต่วิธีที่เหมาะสมที่สุดคือ ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้จัดเวชสำอางที่เหมาะสมให้จะดีที่สุด เพื่อให้ได้เวชสำอางที่ตรงกับปัญหาผิว ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง
บทความโดย นิติพลคลินิก