เคยสังเกตไหมว่าวันไหนที่อากาศร้อนมากๆ ลองเอามือไปสัมผัสบนใบหน้าแล้วจะรู้สึกมีเม็ดตุ่มเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า บางครั้งมีอาการคันระคายเคืองร่วมด้วย หรือบางคนที่มีอาการแพ้เนื่องจากสิ่งต่างๆ  เช่น  จากการใช้เครื่องสำอาง หรือจากการสัมผัสกับน้ำหรืออากาศ  ก็พบว่ามีเม็ดตุ่มเล็กๆ ที่เหมือนผดผื่นคันเกิดขึ้น

ทราบหรือไม่ว่านั่นอาจเป็น “สิวผด”

สิวผด (Acne Estivalis, Mallorca acne) หรืออาจเรียกว่า “สิวเทียม” หรือ “สิวหิน” เป็นสิวประเภทหนึ่งที่มีลักษณะเป็นคล้ายตุ่มเม็ดผดผื่นเล็กๆ ใสๆ สิวผดมักจะเกิดขึ้นบ่อยในช่วงอากาศร้อน จึงพบได้บ่อยในช่วงเที่ยงวันไปจนถึงบ่าย โดยจะปรากฏขึ้นเป็นเม็ดผดผื่นสีแดงบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากนั้นจะพบสิวผดได้บ่อยที่สุด

สิวผดหน้าผาก

สิวผดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน  ดังนี้

-การอุดตันของต่อมเหงื่อที่ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการระบายเหงื่อของร่างกายทำให้ต่อมเหงื่อเกิดการอุดตันจนกลายเป็นตุ่มขนาดเล็กบนผิวหนัง

-ในช่วงที่อากาศร้อนนั้น ต่อมเหงื่อของเราจะทำงานหนักเพื่อระบายความร้อนภายในร่างกายออกมาในรูปของเหงื่อ  เหงื่อเหล่านี้จะเป็นอาหารของยีสต์ประเภทหนึ่งที่ชื่อว่า P.ovale ซึ่งหากยีสต์นี้มีจำนวนมากและแบ่งตัวกันจะทำให้เกิดเป็นสิวผดได้

-การสัมผัสกับความร้อนเป็นเวลานาน เช่น  โดนแสงแดด  อยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อนนาน  การใช้น้ำอุ่นล้างหน้าบ่อยครั้ง

-การปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมในบางอย่าง เช่น  การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมกับผิวหรือไม่มีมาตรฐาน  การล้างหน้าบ่อยเกินไป  การเช็ดหน้าแรงมากหรือใช้ผ้าที่ไม่สะอาดมาเช็ดหน้า  การพักผ่อนไม่เพียงพอ  รวมถึงการอยู่ในบริเวณที่มีมลภาวะเป็นพิษนาน  ก็เป็นสาเหตุให้เกิดสิวผดได้

-ความผิดปกติของร่างกาย เช่น  ภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง  หรืออาการแพ้จากน้ำ  อากาศ  เหงื่อ  เครื่องสำอาง  หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้กับผิว  รวมถึงผู้ที่มีอาการของผิวแพ้ง่ายก็พบว่ามีสิวผดขึ้นด้วยเช่นกัน

สิวผดมีความแตกต่างจากสิวโดยทั่วไปตรงที่  “ไม่มีหัวสิว” แม้เราจะพยายาม แคะ แกะ บีบสิวผดอย่างไรก็จะไม่มีหัวสิวออกมาให้เห็น  ตรงกันข้ามกลับจะยิ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เกิดเป็นรอยแผลเป็น  หรือจุดด่างดำได้ด้วย  ดังนั้นการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากการเกิดสิวผดรวมถึงการรักษาเมื่อเกิดสิวผดขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ 

1.ดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเกิดสิวผด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวผดกับตัวเอง ตัวอย่างเช่น

-ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นแทนน้ำอุ่นเพียงวันละ 2 ครั้ง เฉพาะเท่าที่จำเป็น  โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับผิว  (ในระหว่างวันอาจล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าได้  แต่ไม่ควรบ่อยเกินไป)

-หลีกเลี่ยงการสัมผัส แคะ  แกะ  เกาใบหน้า  เพราะมือของเราอาจไม่สะอาดเพียงพอ  อาจเป็นสาเหตุให้เกิดสิวผดหรือสิวอื่นๆ ได้

3

-ถ้าเหงื่อออกมาก ให้ใช้ผ้าที่สะอาดซับเหงื่อเบาๆ  ไม่ควรเช็ดหน้าแรงเกินไป

-พยายามไม่ไปอยู่ในบริเวณที่มีอากาศร้อนจัด เช่น  บริเวณที่มีแสงแดด  แต่หากจำเป็นต้องออกไปสัมผัสกับแสงแดด  ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่าการปกป้องแสงแดดสูง   เช่น  ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++

-คนที่ต้องแต่งหน้านั้นควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง (ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้ทุกครั้ง) และล้างเครื่องสำอางออกทุกครั้ง  รวมถึงอุปกรณ์สำหรับแต่งหน้า  เช่น  ฟองน้ำพัพฟ์  แปรงปัดแก้ม  ควรนำมาล้างทำความสะอาด  ตากให้แห้งอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

-หากมีเส้นผมยาวปรกมาที่หน้าผาก ควรระมัดระวังความอับชื้นและเหงื่อที่หมกหมมบริเวณหน้าผาก  อาจแก้ไขด้วยการรวบผมขึ้นหรือติดกิ๊บให้เรียบร้อย

-หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทาผิวหน้าที่เสี่ยงจะทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น  ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ  Retinoic Acid , BHA

-ยิ้มแย้มแจ่มใส พยายามทำจิตใจไม่ให้เครียดเกินไปเพื่อลดภาระของต่อมเหงื่อที่จะทำงานหนัก  รับประทานอาหารที่ประโยชน์  ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  ดื่มน้ำมากๆ  และพักผ่อนให้เพียงพอ

ออกกำลังกาย

2.แก้ไขให้ถูกต้องเมื่อเกิดสิวผด หากเรามีสิวผดขึ้น ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่า  “ห้ามบีบ  แคะ  แกะ  เกา  ถู  ขัด  หรือสัมผัส”  เพราะอย่างที่ได้กล่าวในข้างต้นแล้วว่าการทำดังกล่าวจะยิ่งทำให้สิวผดอักเสบยิ่งขึ้น  การรักษาสิวผดที่เหมาะสมนั้นมีด้วยกันหลายวิธี  ตัวอย่างเช่น

ใช้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการของสิวผด ซึ่งมีคุณสมบัติหลากหลาย  เช่น

  *ยาทาที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole  เพื่อฆ่าเชื้อยีสต์ที่เป็นสาเหตุของสิวผด  แต่การใช้ยาประเภทนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

   *ยาทาที่มีส่วนผสมของ Zine PCA  สำหรับสิวผดที่เกิดจากอาการแพ้เครื่องสำอาง

   *ยาทาที่มีส่วนผสมของ  Vitamin A ซึ่งจะมีความเข้มข้นที่หลากหลาย  ก่อนซื้อมาใช้จึงควรให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้  เพื่อให้เลือกความเข้มข้นของยาได้เหมาะสมกับอาการ

ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงยาทาที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์  เพราะในบางรายนั้นอาจเกิดอาการแพ้รุนแรงเพิ่มขึ้นได้   ดังนั้นจึงไม่ควรซื้อยามาทาเองโดยไม่ผ่านการตรวจอาการจากแพทย์หรือเภสัชกร

11

-ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือคลินิกเสริมความงามเพื่อจัดการสิวผด ปัจจุบันมีคลินิกเสริมความงามเป็นจำนวนมากที่มีแพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญ  ซึ่งจะช่วยแนะนำและรักษาอาการสิวผดให้ได้  ซึ่งมีตั้งแต่การรักษาด้วยการทำทรีตเมนต์บำรุงผิวควบคู่ไปกับการใช้ยา  จนถึงการทำเลเซอร์ที่ช่วยจัดการทั้งสิวผดและสิวอุดตันได้ทั่วใบหน้า  โดยแพทย์จะให้ยาที่มีคุณสมบัติลดเลือนรอยดำบนผิวหน้าใช้ร่วมกันด้วย

อาการของสิวผดนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังที่กล่าวไว้ในข้างต้น  ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราห่างไกลจากปัญหาของสิวผดได้คือ การรู้จักดูแลตัวเองอย่างถูฏต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่จะส่งผลต่อการเกิดสิวผดขึ้น รักษาความสะอาดของผิวหน้าอย่างเหมาะสมอยู่เสมอ เพียงเท่านี้ปัญหาสิวผดก็จะไม่เป็นเรื่องกวนใจผิวของเราได้แล้ว